วิธีการตรวจเช็คที่ปัดน้ำฝน
รถยนต์ทุกคันย่อมต้องมีที่ปัดน้ำฝนเพื่อที่เวลาฝนตก เราก็จะมีที่ปัดน้ำฝนคอยปัดกระจกหน้ารถให้เราสามารถมองเห็นเส้นทางขณะขับขี่ได้อย่างปลอดภัย แต่ถ้าขอบยางปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพ การปัดน้ำฝนย่อมทำให้ปัดน้ำฝนได้ไม่เต็มที่ คือ ปัดแล้วน้ำออกไม่หมดในแต่ละครั้ง ปัดแล้วยังมีทางน้ำติดอยู่ที่กระจกเป็นเหตุให้มองเห็นเส้นทางไม่ชัดเจน อาจนำมาซึ่งอุบัติเหตุได้ ดังนั้นเราจะมีวิธีเช็คที่ปัดน้ำฝนของเราอย่างไรว่าที่ปัดน้ำฝนของรถยนต์ของเราเสื่อมหรือยัง
ใบปัดน้ำฝนประกอบด้วยก้านปัดที่เป็นโลหะมีขอบยางติดอยู่ หน้าที่คือ ใช้ปัดน้ำ ปัดฝุ่น หรือสิ่งสกปรกที่ติดอยู่บนกระจกหน้าเพื่อวิสัยทัศที่ดีในการขับรถขณะฝนตก
วิธีเช็คที่ปัดน้ำฝน
1.เวลาที่ที่ปัดน้ำฝนกำลังทำงาน จะทิ้งรอยครูดบนกระจก
2.ปัดน้ำฝนแล้วน้ำฝนออกไม่หมด ยังทิ้งคราบน้ำเกาะบนกระจกอยู่
อายุการใช้งานของขอบยางปัดน้ำฝนจะมีอายุประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปีนะครับ
มีข้อดีที่สำคัญในการเปลี่ยนยางปัดน้ำฝนคือ
1.ความปลอดภัยขณะขับรถ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ฝนตก ถึงตกหนัก ถ้าหากเราเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนที่มีคุณภาพ ย่อมเพิ่มความปลอดภัยในการขับรถ
2.ลดเสียงดังรบกวนจากการเสียดสีเมื่อเปิดใบปัดทำงาน นำมาซึ่งความสบายใจเมื่อขับรถขณะฝนตก
ข้อแนะนำที่อยากฝากไว้คือ แนะนำให้เข้าศูนย์บริการตามยี่ห้อรถที่คุณขับ เพื่อจะได้ใบปัดน้ำฝนของแท้ที่ได้มาตรฐาน และเหมาะกับรุ่นรถของคุณเพราะการใช้ของเทียมอาจทำให้เกิดปัญหาอย่างเช่น
1.มองเห็นทางไม่ชัด
2.มีเสียงดังขณะปัดน้ำฝน
3.กระจกเป็นรอย
สิ่งเหล่านี้นำมาซึ่งความผิดหวัง ทำให้ต้องเสียเงินซื้อใหม่
สิ่งที่ไม่สมควรทำกับที่ปัดน้ำฝน
อากาศที่ร้อนๆแบบนี้ เป็นสาเหตุใหญ่ๆ ของการเสื่อมสภาพยางปัดน้ำฝน ความร้อนที่สะสมบนบานกระจกหน้า ทำให้ตัวยางปัดน้ำฝนที่ต้องสัมผัสโดยตรงย่อมมีอาการเสื่อมเป็นเรื่องธรรมดา และด้วยเหตุนี้นี่เองที่ทำให้คนคิดว่าดการยกใบปัดน้ำฝนขึ้นซะ จะทำให้ยางปัดน้ำฝนไม่ต้องไปกระทบกับความร้อนบนกระจกหน้า!!
![]() |
เป็นวิธีที่ไม่สมควรทำ |
สำหรับราคาของใบปัดน้ำฝนต่อการใช้งาน ถือว่าคุ้มค่ากับการมอบทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่ การยกก้านใบปัดน้ำฝนขึ้นนั้นจึงกลายเป็นเรื่องได้ไม่คุ้มเสีย เพราะหากเกิดความเสียหายบริเวณสปริงยกก้านขึ้นมา ราคามันย่อมแพงกว่าที่จะซื้อเพียงแค่ยางปัดปัดน้ำฝนด้วยครับ
***หวังเป็นอย่างยิิ่งว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์กับรถยนต์ของคุณ และความปลอดภัยในขณะขับขี่ของตัวคุณเองนะครับ
----------------------------------------------------------------------------------------------------
แหล่งข้อมูล บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น