ตรวจแอร์ในรถยนต์

   สมัยนี้รถยนต์ทุกคันย่อมต้องมีระบบปรับอากาศที่ช่วยให้ภายในรถของคุณมีความเย็นชุ่มฉ่ำตลอดการเดินทาง แต่เมื่อถึงจุดๆนึง ระบบปรับอากาศนี้อาจทำให้คุณต้องเสียสุขภาพเพราะเนื่องจากเมื่อระบบปรับอากาศถูกใช้งานไปนานๆ ไส้กรองอากาศแอร์ในรถยนต์ย่อมต้องมีการเสื่อมสภาพ


   การตรวจแอร์ในรถยนต์ควรตรวจที่ไส้กรองอากาศครับเพราะ
ไส้กรองอากาศแอร์ทำหน้าที่ กรองฝุ่นละออง เกสร และอนุภาคอื่นๆ ที่อยูภายนอก ก่อนที่จะเข้ามาในห้องโดยสาร นอกจากนี้ยังทำหน้าคอยฟอกอากาศที่ไหลเวียนอยู่ในรถให้ดีได้อีกระดับหนึ่ง
  ไส้กรองอากาศที่เสื่อมคุณภาพแล้ว และไส้กรองอากาศแบบธรรมดาอาจก่อให้เกิดสิ่งที่ตามมาเหล่านี้คือ

1.แอร์ทำงานไม่ปกติ
2.อากาศที่ปล่อยออกมาไม่บริสุทธิ์พอ ซึ่งอาจทำให้จามอยู่บ่อยๆบางคนถึงขั้นเป็นหวัด และอาจทำให้เป็นภูมิแพ้ได้
3.อาจมีเสียงแปลกๆเกิดขึ้นในขณะเปิดการใช้งานของระบบปรับอากาศ


วิธีการดูแลรักษาแอร์ในรถยนต์ที่ถูกต้อง

1. ทุกครั้งก่อนที่จะสตาร์ทเครื่องยนต์ ควรตรวจดูสวิตช์ควบคุมคอมเพรสเซอร์ (ปุ่ม A/C) ว่าอยู่ใน ลักษณะใด เปิดหรือปิด ถ้าหากเปิดอยู่ให้กดปิดก่อน ก่อนที่จะสตาร์ทเครื่องยนต์นะครับ
เพื่อไม่ให้ คอมเพรสเซอร์ต้านทานการหมุนของเครื่องยนต์ในขณะสตาร์ท

2. เมื่อเครื่องยนต์ติดเรียบร้อยแล้ว ให้เปิดสวิตช์พัดลมของเครื่องปรับอากาศก่อน โดยปรับไปที่ตำแหน่ง ความเร็วสูงสุด ทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที เพื่อไล่ลมร้อนจากช่องปรับอากาศ
หลังจากนั้นจึงเปิดสวิตช์ ควบคุมคอมเพรสเซอร์ (ปุ่ม A/C) ปรับสวิตช์ที่ใช้ปรับระดับความเย็นไปที่ตำแหน่งเย็นสุด แล้วจึง ปรับสวิตช์ควบคุมความเร็วของพัดลม
และสวิตช์ควบคุมระดับความเย็นลงสู่ตำแหน่งที่สัมพันธ์กับพัดลม และปรับอุณหภูมิภายในห้องโดยสารตามต้องการ

3. เมื่อเลิกใช้งานก่อนที่จะดับเครื่องยนต์ ควรปิดสวิตช์คอมเพรสเซอร์ (ปุ่ม A/C) ก่อนเพื่อหยุดการทำ งานของคอมเพรสเซอร์ แต่ยังคงเปิดสวิตช์พัดลมแอร์ไว้ในตำแหน่งที่แรงสุดเพื่อให้พัดลมแอร์เป่าลม
ผ่านตัวคอยล์เย็น หรือที่รู้จักกันดีว่า “ตู้แอร์” ซึ่งตัวคอยล์เย็นนี้จะมีสภาพที่เปียกชื้น และมีหยดน้ำมาเกาะอยู่ในขณะที่คอมเพรสเซอร์ทำงาน และเพื่อเป็นการไล่ความชื้นออกจากตัวคอยล์เย็นให้เร็วขึ้น
วิธี นี้เป็นอีกวิธีหนึ่งในการลดความอับชื้นซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้แอร์มีกลิ่น เหม็นอับ รวมทั้งยังช่วยยืดอายุ การใช้งานของตัวคอยล์เย็นให้ผุกร่อนช้าลงกว่าเดิม ขั้นตอนนี้ใช้เวลาเพียง 2-3 นาทีเท่านั้นครับ

   สำหรับปัญหาการเกิดกลิ่นอับที่ออกมาจากช่องปรับอากาศสามารถแก้ไขได้โดย จอดรถในที่โล่งแจ้ง ที่แดดส่องได้อย่างทั่วถึง จากนั้นเปิดประตูรถให้หมดทุกบาน
จอดรถตากแดดทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง หรือจนกว่ากลิ่น อับจะจางหายไป แต่ถ้ากลิ่นอับยังคงรุนแรงเหมือนเดิม ควรนำรถเข้าตรวจเช็คที่ศูนย์บริการใกล้บ้านได้เลยครับเพื่อดูต้นตอที่แท้จริงและขจัดกลิ่นอับที่ถูกต้อง แต่การจะลดปัญหาเรื่องกลิ่นต่างๆในรถยนต์ลงไปได้อีกวิธีนึงนั่นก็คือ พยายามอย่าเอาของกินจำพวกที่มีกลื่นแแรงเข้ามากินในรถเป็นประจำ เพราะกลิ่นเหล่านี้มันจะถูกสะสมไว้ในรถ เมื่อถึงเวลานั้นการจะกำจัดกลิ่นอับในรถจะทำได้ยากขึ้นครับ

  





   ไส้กรองอากาศของแท้ช่วยให้บรรยากาศในห้องโดยสารดีขึ้นคือ
1.ช่วยกรองฝุ่นละออง และอนุภาคต่างๆ  อากาศภายในห้องโดยสารจึงสะอาด ปราศจากสิ่งไม่พึงประสงค์
2.ช่วยป้องกันและยืดอายุการใช้งานชิ้นส่วนต่างๆในระบบปรับอากาศ
3.ไส้กรองอากาศแอร์แท้ยังช่วยป้องกันการสะสมของอันตรายต่างๆที่ทำให้ชิ้นส่วนต่างๆในระบบปรับอากาศเสื่อมสภาพ
   ส่วนอายุของไส้กรองอากาศแอร์ในรถยนต์ จะอยู่ที่ประมาณ 40,000 กิโลเมตร ภายใต้การใช้งานที่ปกตินะครับ

    หัวใจของการตรวจแอร์ในรถยนต์ คือ ไส้กรองอากาศแอร์นั่นเองครับ เพราะไส้กรองอากาศแอร์จะทำหน้าที่คอยกรอง ฝุ่นละออง เกสร และอนุภาคอื่นที่อยู่ภายนอก ก่อนที่จะเข้ามาในห้องโดยสารครับ เพราะฉะนั้นแล้วการตรวจแอร์ในรถยนต์จึงต้องให้คตวามสำคัญกับไส้กรองอากาศแอร์ให้มากๆนะครับ
เวลาที่นำรถเข้าศูนย์บริการ ก็ให้เจ้าหน้าช่วยดูไส้กรองอากาศแอร์ให้นะครับ ว่าถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนหรือยัง ซึ่งโดยปกติตามคู่มือแล้ว ไส้กรองอากาศแอร์ในรถยนต์จะมีอายุอยู่ที่  40,000 กิโลเมตร


***หวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อมูลเหล่านี้จะช่วยดูแลอากาศในรถของท่านให้กลับมาสดชื่นเหมือนเพิ่งซื้อรถมาใหม่นะครับ  ขอบคุณครับ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------


ข้อมูลจาก โตโยต้ามอเตอร์ ประเทศไทย






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น